พัดลมเพดานยักษ์ ทางเลือกใหม่สำหรับทุกพื้นที่ ที่ต้องการระบายอากาศ และเพิ่มความเย็นในพื้นที่ ยุค Green Factory

ยุคสมัยที่มีการเติบโตของอุตสาหกรรม ทำให้พลังงาน สิ่งแวดล้อม ถูกนำมาใช้เป็นวัตถุดิบ เป็นเชื้อเพลิงจำนวนมหาศาล เกิดการสิ้นเปลือง พลังงานที่ใช้เริ่มถดถอย ต้องหาแหล่งพลังงานธรรมชาติต่าง ๆ มาทดแทนเพิ่มเติม นั่นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทุกคน ทุกวงการ หันมาใส่ใจอนุรักษ์พลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ ให้มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์เหล่านี้ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีกระบวนการผลิตอย่างมากมายนั้น สามารถคัดเลือก ดัดแปลง ปรับปรุง ระบบ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร ให้มีความสัมพันธ์กับการลดต้นทุน ลดการใช้พลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม ได้หลากหลายทาง หนึ่งในกิจกรรมที่โรงงานยุค Green Factory เลือกก็คือใช้หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ระบายอากาศให้อยู่ในกลุ่มประหยัดพลังงาน ลดการใช้พลังงานจากเดิมให้ได้มากที่สุดอย่างการใช้ พัดลมอุตสาหกรรม พัดลมยักษ์ ทางเลือกใหม่สำหรับโรงงานยุค Green Factory นั่นเอง

คำว่า Green Factory หรืออุตสาหกรรมโรงงานสีเขียว เป็นแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โรงงานดำเนินกระบวนการพัฒนาการผลิตและบริโภคแบบยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง พัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ลดผลกระทบด้านพลังงาน มีการจัดการ ของเสีย การปล่อยมลพิษ รับผิดชอบต่อสังคม ให้ผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนโดยกระทรวงอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการต้องทำด้วยความสมัครใจให้เป็นมิตรกับทั้งชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยมีการรับรองการเป็นอุตสาหกรรมโรงงานสีเขียว แบ่งออกเป็น 5 ระดับ คือ

• ระดับที่ 1 ความมุ่งมั่นสีเขียว เป็นการสื่อสารในองค์กรที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
• ระดับที่ 2 ปฏิบัติการสีเขียว เป็นการดำเนินกิจกรรมเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
• ระดับที่ 3 ระบบสีเขียว เป็นการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ติดตาม ประเมินผล เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
• ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว เป็นการให้ความร่วมมือของทุกคนในองค์กรดำเนินงานต่าง ๆ จนเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กร
• ระดับที่ 5 เครือข่ายสีเขียว สนับสนุน คู่ค้า พันธมิตร ให้เป็นเครือข่าย Green Factory ไปด้วยกัน

ลักษณะการดำเนินการใน Green Factory อาทิเช่น

• ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ใช้อย่างยั่งยืน เลือกใช้วัตถุดิบที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ลดการใช้น้ำ ใช้ไฟ จัดการอย่างเป็นระบบ
• ลดการใช้พลังงาน ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า นำพลังงานทดแทนปรับใช้ ออกแบบเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าให้รองรับการใช้พลังงานประหยัด เช่น การนำพัดลมยักษ์เข้ามาใช้ในโรงงาน เป็นต้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง การระบาดของโรคติดเชื้อ และการขาดแคลนทรัพยากร
• ลดการปล่อยก๊าซ มลพิษ น้ำเสีย ติดตั้งระบบกรองอากาศ จัดการด้วยระบบบำบัดน้ำเสีย ก่อนปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมและชุมชน
• ลดปริมาณขยะในโรงงาน ลดการใช้ นำมารีไซเคิล จัดการของเสียอย่างถูกวิธี ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
• ส่งเสริมให้ผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
• เสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจ สร้างงานใหม่ เพิ่มโอกาสทำงาน รวมถึงโรงงานสีเขียวสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกและสร้างรายได้ระดับประเทศได้อีกด้วย

ความเกี่ยวข้องระหว่าง Green Factory และพัดลมยักษ์

พัดลมเพดานยักษ์ Big Fan เป็นพัดลมอุตสาหกรรมที่มีลักษณะใบพัดขนาดใหญ่คล้ายใบพัดเฮลิคอปเตอร์ ติดตั้งใช้งานบนเพดานสูง กว้างขวาง ใช้ระบายอากาศ ระบายความร้อน รอบการทำงานต่ำ เสียงเงียบ พัดเฉื่อยสร้างลมคล้ายลมธรรมชาติ ให้ปริมาณลมสูง สร้างกระแสลมจากด้านบนส่งลงมากระทบพื้น แล้วลมจะเคลื่อนตัวรอบทิศ 360 องศา ไปกระทบผนังด้านข้าง แล้วลอยสู่ด้านบนอีกครั้ง เกิดการเคลื่อนที่ของอากาศ ทำให้เกิดการถ่ายเท แลกเปลี่ยนกระแสลม ระบายความร้อนภายในพื้นที่ ลดอุณหภูมิ ทำให้ปลอดโปร่ง โล่งสบาย มีทั้งแบบใช้เกียร์และมอเตอร์ ไม่มีภาระในการบำรุงรักษา เป็นพัดลมอุตสาหกรรมประหยัดพลังงาน กินไฟน้อย ใช้เพียงตัวเดียวก็สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้าง ผลิตจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน ใช้งานง่าย อะไหล่น้อย น้ำหนักเบา ปลอดภัย อายุการใช้งานยาวนาน มีประสิทธิภาพสูงในการสร้างกระแสลม ใช้ได้ในทุกพื้นที่กว้างตอบโจทย์พื้นที่ขนาดใหญ่ที่ต้องการระบายความร้อนในทุกอุตสาหกรรม

ด้วยคุณสมบัติเด่นที่มีอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการใช้พลังงานต่ำ แต่ให้ปริมาณลมสูง กระแสลมครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวาง มีประสิทธิภาพในการทำงานดีเยี่ยม แทบจะไม่ต้องทำการบำรุงรักษาแต่อย่างใด แถมยังใช้งานได้อย่างยาวนาน ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้งานได้อย่างปลอดภัย จึงเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับโรงงานที่ดำเนินการ Green Factory ทั้งพื้นที่ที่ต้องการติดตั้งใหม่ พื้นที่ใช้งานเพิ่มเติม จากที่มีระบบแอร์ปรับอากาศ เสริมด้วยพัดลมเพดานยักษ์ ซึ่งเครื่องปรับอากาศใช้สารทำความเย็นที่บางครั้งอาจเป็นสารที่ทำลายสิ่งแวดล้อมทำลายชั้นบรรยากาศและกินไฟอย่างมาก หรือพื้นที่ที่ต้องการปรับเปลี่ยนเช่นการมีพัดลมตัวเล็ก 20 ตัว อัตราการใช้พลังงานต่อตัวน้อยกว่าก็จริงแต่เมื่อคำนวณรวม 20 ตัวแล้ว กลับเทียบเท่าหรือมากกว่าพัดลมเพดานยักษ์เพียง 1 ตัวก็เป็นได้ แถมยังต้องทำการดูแลรักษาใช้เวลา ใช้จำนวนพนักงานซึ่งต้องใช้การดูแลสูง ระยะเวลานาน เมื่อเทียบกับการดูแลพัดลมยักษ์ 1 ตัว ย่อมน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด และยังเพิ่มพื้นที่ใช้งานได้อีกด้วย ผลที่ได้ก็คือ การลดอุณหภูมิในพื้นที่ได้ อย่างน้อย 2-3 องศาเซลเซียส การประหยัดพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากร ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายโรงงานลดลง ลดต้นทุนได้อย่างแท้จริง และยังส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอีกด้วย

พัดลมยักษ์ทางเลือกใหม่สำหรับโรงงานยุค Green Factory คุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่

สำหรับโรงงานที่ต้องการเปลี่ยนการระบายอากาศ ระบบความเย็น เพื่อประหยัดพลังงานและค่าไฟ จากการใช้เครื่องปรับอากาศหรือจากพัดลมขนาดเล็กหลายตัว ที่กินไฟ อายุการใช้งานสั้น มาเป็นการใช้พัดลมยักษ์ 1-2 ตัว ในบางพื้นที่นั้น เพื่อช่วยในการตัดสินใจของเจ้าของธุรกิจและผู้บริหาร จะใช้วิธีการคำนวณความคุ้มค่าในการลงทุนเฉพาะด้าน เช่น การลงทุนในโครงการใหม่ การตลาด การขยายธุรกิจ เครื่องจักรใหม่ เป็นต้น ด้วยการใช้วิธีคำนวณ ROI (Return On Investment) เป็นเครื่องมือพื้นฐานประกอบการตัดสินใจว่าการลงทุนที่ได้ทำไปนั้นคุ้มค่าหรือไม่ ได้รับผลตอบแทนกลับมามากน้อยอย่างไร สามารถคืนทุนในระยะเวลาเท่าใด ใช้เปรียบเทียบความคุ้มค่ากับตัวเลือกอื่น เป็นเครื่องมือวัดผลทางการเงินที่ได้รับความนิยมจากความง่ายในการใช้ข้อมูลพื้นฐาน มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ หากมีค่าเป็นบวกแสดงถึงการได้รับผลกำไร ด้วยการใช้สูตร ROI = (กำไรสุทธิ / ต้นทุนการลงทุน) x 100 และสูตร ROI เฉลี่ยต่อปี = ROI ทั้งหมด / จำนวนปีที่ลงทุน

ยกตัวอย่างเช่น ราคาต้นทุนพัดลมยักษ์ ขนาด 1 KW ราคารวมติดตั้ง 50,000 บาท ไม่มีค่าบำรุงรักษา ใช้งานได้ยาวนาน

นำไปติดตั้งทดแทนพัดลมตัวเล็กขนาด 100 W จำนวน 20 ตัว ซึ่งเท่ากับ 2,000 W หรือ 2.0 KW

แสดงว่าหลังเปลี่ยนจากพัดลมตัวเล็กเป็นพัดลมยักษ์ สามารถลดการใช้พลังงานไปได้ เท่ากับ 2 – 1 KW = 1 KW

ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยประมาณหน่วยละ 4 บาท/KWh

ใช้เวลาทำงานต่อวัน 12 ชั่วโมง ทำงานทั้งปี ไม่มีวันหยุด 365 วัน ฉะนั้น ชั่วโมงการใช้งานต่อปี เท่ากับ 12 x 365 = 4,380 ชั่วโมงต่อปี

คิดเป็นจำนวนเงินที่ประหยัดได้ต่อปี = 1 KW x 4,380 ชั่วโมง x 4 บาท = 17,520 บาท/ปี

นำค่าต่าง ๆ มาคำนวณ ROI = (เงินที่ประหยัดได้ต่อปี – เงินลงทุน) / เงินลงทุน x 100

= (17,520 – 50,000) / 50,000 x 100 = – 64.96%

สรุปคือ ปีที่ 1 ยังขาดทุน แต่จะคืนทุนได้ในปีที่ 2 เนื่องจากไม่ต้องจ่ายเงินลงทุนเพิ่มเติมแล้วแต่อย่างใด ทั้งนี้การประหยัดพลังงานยังขึ้นอยู่กับกำลังวัตต์ของพัดลมยักษ์ที่ใช้เปลี่ยน ยิ่งน้อยก็ยิ่งประหยัด ชั่วโมงการทำงาน ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา เป็นต้น

จากบทความทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้น พัดลมยักษ์ถือเป็นทางเลือกสำคัญของโรงงานยุคใหม่ ยุค Green Factory ที่ต้องการลดต้นทุนด้านพลังงาน โดยต้องเลือกใช้ให้ถูกต้องเหมาะสม ใช้เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดในโรงงาน แม้เริ่มต้นด้วยต้นทุนที่สูง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าในระยะยาว ทำให้การใช้พลังงานเป็นไปอย่างยั่งยืน มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างภาพลักษณ์ที่น่าชื่นชมในวงการธุรกิจอุตสาหกรรม และยังหมายรวมไปถึงการสร้างอนาคตให้คนรุ่นต่อไปด้วย

บริษัท พีบีเอส โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้า จัดจำหน่าย ติดตั้ง บริการ สินค้าพัดลมยักษ์ ตาข่ายสแตนเลส ตะแกรงสแตนเลส ม่านอากาศ ม่านกันแมลง ม่านเหลือง รวมถึง อุโมงค์โหลดสินค้า ประตูโหลดสินค้า ประตูไฮสปีด ระบบประตูอัตโนมัติความเร็วสูง สะพานปรับระดับสำหรับขนถ่ายสินค้า และอื่น ๆ รับประกันคุณภาพสินค้าทุกชิ้นตามมาตรฐานสากล ตอบโจทย์โรงงานสีเขียว Green Factory เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุดในการให้บริการที่ครบถ้วน รวดเร็ว ทันใจ ราคาที่ยอมรับได้ และมีความปลอดภัยเป็นหลักสำคัญ