Q&A พัดลมอุตสาหกรรม ทุกคำตอบที่คุณอยากรู้

A: พัดลมอุตสาหกรรมแบบ Big Fan คือพัดลมเพดานขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในพื้นที่กว้าง เช่น โรงงาน คลังสินค้า สนามกีฬา หรือหอประชุม ลักษณะเด่นคือการหมุนด้วยรอบต่ำ (Low Speed) แต่สร้างปริมาณลมสูง (High Volume) จึงกระจายลมได้ทั่วถึง ลดอุณหภูมิได้ 2–5 °C โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศมากนัก เมื่อเทียบกับพัดลมทั่วไป Big Fan สามารถแทนพัดลมเล็กจำนวนหลายสิบตัว ช่วยลดจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องใช้และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงอย่างชัดเจน

A: พัดลมอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ใช้ Inverter ในการควบคุมรอบความเร็ว ซึ่งช่วยให้สามารถปรับการทำงานได้ตามความต้องการจริงของพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเบาเพื่อประหยัดพลังงาน หรือเร่งแรงลมให้เหมาะกับช่วงเวลาที่มีคนใช้งานหนาแน่น การใช้ Inverter ไม่เพียงทำให้การควบคุมแม่นยำขึ้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของมอเตอร์ ลดการสูญเสียพลังงาน และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

A: โดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 แบบหลัก ๆ คือ

• Gear Type: ใช้มอเตอร์เกียร์ M ข้อดีคือหาอะไหล่ง่าย ราคาย่อมเยา เหมาะกับสถานประกอบการที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านบำรุงรักษา
• PMSM Type (Permanent Magnet Synchronous Motor): ใช้เทคโนโลยีแม่เหล็กถาวร ทำงานเงียบ น้ำหนักเบา ควบคุมรอบได้แม่นยำ และช่วยลดอุณหภูมิในพื้นที่ได้ดีกว่า แม้ราคาสูงกว่าแต่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่เน้นประสิทธิภาพและความทนทาน

การเลือกขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน หากต้องการประหยัดต้นทุนเลือก Gear Type แต่ถ้าเน้นความทันสมัยและประสิทธิภาพสูง PMSM จะตอบโจทย์มากกว่า

A: พัดลมอุตสาหกรรมเหมาะกับพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่หรือมีความสูงเพดานมาก และไม่สะดวกต่อการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เช่น

• คลังสินค้าและโรงงาน: ใช้ระบายอากาศ ลดความร้อนสะสม เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
• หอประชุม โรงเรียน ฟิตเนส หรือศาสนสถาน: ช่วยให้อากาศถ่ายเท ลดความอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์
• พื้นที่สาธารณะกลางแจ้ง: แม้จะไม่ทำความเย็นเท่าแอร์ แต่สามารถช่วยให้บรรยากาศสบายขึ้นโดยไม่เปลืองพลังงาน

A: พัดลมอุตสาหกรรมมีหลายขนาด ตั้งแต่ 2.4 เมตร ไปจนถึง 7.3 เมตร โดยขนาดยอดนิยมคือ 7.3 เมตร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า 1,000 ตารางเมตร สามารถกระจายแรงลมได้รัศมี 15–20 เมตร พัดลมเพียง 1 ตัวให้แรงลมเทียบเท่าพัดลมขนาดเล็ก 15–30 ตัว แต่กินไฟน้อยกว่า 6 เท่า ดังนั้นการเลือกขนาดควรพิจารณาตามพื้นที่ใช้งานจริง หากเป็นโกดังขนาดใหญ่หรือหอประชุม การเลือกขนาด 7.3 เมตรจะคุ้มค่าและตอบโจทย์ที่สุด

A: ความปลอดภัยถือเป็นหัวใจหลักของการติดตั้งพัดลมอุตสาหกรรม Smart Kool โดยใช้ Safety String ป้องกันการร่วงหล่น ติดตั้งด้วย Clamp และน็อตกันคลาย แทนการเจาะโครงสร้างเพื่อไม่ให้กระทบกับโครงสร้างหลัก ระบบไฟฟ้าก็มี Overload Protection ที่ช่วยป้องกันกระแสเกินหรือไฟช็อต นอกจากนี้ยังมีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมและทำงานตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ทำให้มั่นใจได้ว่าพัดลมทุกตัวจะทำงานอย่างปลอดภัย

A: แน่นอนว่ามีบริการหลังการขายครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็ก การบำรุงรักษา การเปลี่ยนอะไหล่ รวมถึงการซ่อมแซมกรณีเกิดปัญหา โดยมีสต๊อกอะไหล่พร้อมเสมอเพื่อรองรับลูกค้า ทุกเครื่องยังมีการรับประกันครอบคลุมทุกชิ้นส่วนเป็นเวลา 2 ปีเต็ม ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลต่อเนื่องหลังการติดตั้ง

A: มี 3 ปัจจัยหลักที่ควรพิจารณา ได้แก่

1. พื้นที่ใช้งาน: ต้องรู้ว่าพื้นที่กี่ตารางเมตร เพดานสูงแค่ไหน เพื่อเลือกขนาดพัดลมที่เหมาะสม
2. การประหยัดพลังงาน: ควรเลือกพัดลมที่ใช้ระบบ Inverter และมีใบพัดออกแบบให้หมุนรอบต่ำแต่ให้แรงลมสูง เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้า
3. บริการหลังการขาย: ตรวจสอบว่ามีการรับประกันหรือไม่ มีทีมช่างคอยดูแล ตลอดจนอะไหล่สำรองเพื่อให้ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน

A: ประหยัดจริง เพราะออกแบบมาโดยเน้นหลัก High Volume Low Speed (HVLS) ใช้ใบพัดขนาดใหญ่หมุนรอบต่ำ แต่สร้างแรงลมได้ครอบคลุมทั้งพื้นที่ เมื่อผสานกับระบบ Inverter ที่ควบคุมรอบได้อย่างแม่นยำ จึงใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าพัดลมทั่วไปหลายเท่า การใช้พัดลม Smart Kool เพียง 1 ตัว สามารถแทนพัดลมตั้งพื้นขนาด 15 นิ้วได้ถึง 30 ตัว ซึ่งในเชิงค่าไฟฟ้าแล้วผู้ใช้งานสามารถประหยัดได้มากกว่า 6 เท่า

A: การใช้แอร์ในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น คลังสินค้า หรือหอประชุม ต้องใช้เครื่องจำนวนมากและกินไฟสูงมหาศาล ในขณะที่พัดลม Smart Kool อาศัยหลักการหมุนเวียนอากาศตามธรรมชาติ ลดอุณหภูมิได้ 2–5 °C โดยไม่ต้องใช้ระบบทำความเย็นที่สิ้นเปลืองพลังงาน จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนค่าไฟในระยะยาว และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะใช้พลังงานน้อยกว่าเครื่องปรับอากาศหลายเท่า